วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สาเหตุที่เกิดสงครามเวียดนาม

สงครามเวียดนาม

โดย ร.ท.นคร จันทร์บาลสงครามเวียดนาม (Vietnam War, ค.ศ. 1957-1975) เป็นสงครามระหว่างเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ที่สนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกา เพื่อตัดสินว่าควรรวมเวียดนามเป็นหนึ่งเดียวตามข้อตกลงเจนีวา ค.ศ. 1954 หรือไม่ สงครามจบลงด้วยชัยชนะของเวียดนามเหนือ และรวมประเทศเวียดนามทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศเวียดนาม ในประเทศเวียดนามเองเรียกสงครามนี้ว่า สงครามปกป้องชาติจากอเมริกัน หรือ สงครามอเมริกันหรือสงครามเศรษฐกิจ เพราะโฮจิมินห์ต้องการที่จะให้เวียดนามเดินตามทางขงจื้อ และรวมอานาจไว้กับตัวเอง

กำเนิดขบวนการใต้ดิน ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ขบวนการเวียดมินห์ ได้ถือกาเนิดขึ้น โดย โฮจิมินห์ เป็นผู้นา ระยะแรก การดาเนินการนั้น เพียงเพื่อหวังว่าจะขับไล่ญี่ปุ่นออกจากประเทศไปเท่านั้น แต่ครั้นในปี ค.ศ.1944 พวกเวียดมินห์ได้ตั้งกองบัญชาการกองโจรขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนกาลังและอาวุธจากสหรัฐอเมริกา แต่กาลังการรบของเวียดมินห์นั้นยังเป็นกองกาลังเล็กๆ ยังไม่สามารถที่จะไปต่อต้านพวกญี่ปุ่นได้ ต่อมาในเดือนมีนาคม ค.ศ.1945 สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป คือ ญี่ปุ่นได้ปลดอาวุธและขังทหารฝรั่งเศสประจาอินโดจีน จึงเป็นเหตุทาให้ฝรั่งเศสนั้นเสียศักดิ์ศรีไปมาก เพราะขณะเกิดเรื่องนี้ ญี่ปุ่นกาลังจะแพ้สงคราม ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวเวียดนามกลุ่มต่างๆ ที่ดิ้นรนเพื่อเป็นเอกราช ได้เริ่มดาเนินการทันที ซึ่งผู้นานั้นก็คือ เบาไต๋ ซึ่งเคยเป็นจักรพรรดิแคว้นอันนัม ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "จักรพรรดิแห่งเวียดนาม" และต่อมาทาให้กลุ่มของเบาไต๋ มีความหวังยิ่งขึ้น คือ นายพลเดอโกลล์ ได้กล่าวคลุมเครือว่าอยากให้เวียดนามปกครองตนเอง ซึ่งทาให้พวกชาตินิยมในเวียดนามต่างก็มีความหวังในเรื่องเอกราชโดยสันติวิธียิ่งขึ้นไปอีก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้ทาลายความหวังลงไป เพราะกลุ่มเวียดมินห์ได้สั่งให้ประชาชนต่อต้านญี่ปุ่น แต่คาสั่งนี้มีเจตนาแอบแฝง ไว้เพื่อหวังผลอีกทางหนึ่ง โดยมีเจตนาหาทางป้องกันไม่ให้ฝรั่งเศสกลับมามีอานาจในเวียดนามอีก ประกาศเอกราชในเวียดนาม ซึ่งการที่กลุ่มเวียดมินห์นั้นได้สั่งให้ประชาชนต่อต้านญี่ปุ่น ได้ผลดีมากในทางภาคเหนือของประเทศ จักรพรรดิเบาไต๋ได้สละตาแหน่งประมุขของประเทศแล้วจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น แล้วประกาศเอกราชในเวลาต่อมา ความสาเร็จในการยึดอานาจครั้งนี้ ทาให้พวกคอมมิวนิสต์ที่ปะปนอยู่ในหมู่ชาตินิยมเวียดนามสามารถตั้งตนในหมู่คณะชั้นนาของขบวนการปฏิวัติได้ ต่างชาติเข้าแทรกแซงฝรั่งเศสยังมีความพยายามที่จะยึดครองเวียดนามอยู่ แต่โอกาสยังไม่อานวยเพราะขาดกาลังทหารและพาหนะลาเลียง แต่เวียดนามก็ยังคงตกอยู่ในสภาพดังเดิม เพราะมหาอานาจฝ่ายพันธมิตรผู้ชนะสงครามได้เข้ามายึดครองแทน โดยมีอังกฤษเข้ายึดครองภาคใต้ของเวียดนาม จีนคณะชาติยึดครองทางภาคเหนือของเวียดนาม ชาวเมืองต่างไม่พอใจในการกระทาของอังกฤษ นายพลเกรซี่ย์ ผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษในเวียดนาม ได้ประกาศกฎอัยการศึกในเขตที่ยึดครอง สาหรับฝรั่งเศสมีทหารจานวนเล็กน้อยได้มาถึงไซง่อนแล้ว ไปยึดตึกที่ทาการของรัฐบาล รื้อฟื้นอานาจของฝรั่งเศสใหม่ ขบวนการผู้รักชาติ โฮจิมินห์เริ่มเล็งเห็นถึงความเสียเปรียบ พยายามที่จะเอาชนะฝรั่งเศส ซึ่งกระทาได้ก็โดยการรวบรวมชาวเวียดนามที่มีหัวชาตินิยมไปเป็นพวก และเพื่อเป็นการปกปิดการหนุนหลังคอมมิวนิสต์ พร้อมกับแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเป็น ขบวนการผู้รักชาติ โดยสั่งยุบพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผย และจัดตั้ง แนวแห่งชาติ ขึ้นแทน ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์นั้นได้กลายเป็นองค์กรใต้ดิน ดาเนินการอย่างลับๆต่อมาเป็นเวลานาน ข้อตกลงระหว่างจีนคณะชาติกับฝรั่งเศส ภาคเหนือของเวียดนาม เป็นที่มั่นของขบวนการเวียดมินห์แต่มีกองทัพจีนคณะชาติอยู่ ฝรั่งเศสอยากให้จีนคณะชาติถอนตัวไปเพื่อจะได้ปราบพวกเวียดมินห์ และยึดภาคเหนือคืนได้สะดวกขึ้น ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1946 ฝรั่งเศสจึงได้ตกลงกับเจียงไคเซ็ค ยอมยกเลิกสิทธพิเศษในจีนเพื่อแลกกับการถอนทหารจีนออกไปจากภาคเหนือของเวียดนาม โฮจิมินห์พอเข้าใจถึงผลจากข้อตกลงนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ต้องปะทะกับฝรั่งเศสและจีน จึงต้องยอมให้ฝรั่งเศสยึดที่มั่นบางแห่งในภาคกลางและภาคเหนือ เพราะขณะนี้ โฮจิมินห์ ยังไม่พร้อมที่จะรบหรือต่อต้านกับชาติใดๆทั้งสิ้นพยายามแสวงหาสันติภาพ ฝรั่งเศสและเวียดมินห์ต่างก็พยายามจะตกลงกันโดยสันติวิธีโดยโฮจิมินห์ยอมให้ฝรั่งเศสเคลื่อนกาลังเข้ายังฮานอยและไฮฟอง ส่วนฝรั่งเศสก็ตอบแทนด้วยการรับปากว่าจะให้เวียดนามเป็น ประเทศเสรี แต่ผลที่ได้รับจากการตกลงดังกล่าว ได้กลายเป็นสาเหตุแห่งความยุ่งยากร้ายแรงในเวลาต่อมา กล่าวคือ การประชุมเจรจากันระหว่าง 2 ประเทศนั้นไม่ลงรอยกันมากขึ้น เพราะการประชุมส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไม่ได้กล่าวถึงเสรีภาพเลย ฝรั่งเศสมุ่มที่จะยึดครองด้วยกาลังทหาร ในช่วงเวลานี้ได้เกิดเหตุร้ายในไฮฟองหลายครั้ง ฝรั่งเศสระดมยิงหมู่บ้านไฮฟองเสียหายมากมาย ผลจากการกระทาดังกล่าว ทำให้ฝ่ายเวียดมินห์เห็นว่า การตกลงโดยสันติวิธีกับฝรั่งเศสคงไม่เป็นผล ดังนั้นจึงได้สั่งเคลื่อนกาลังพลโจมตีกองทหารฝรั่งเศสทั่วประเทศทันทีในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ.1946
ปัญหาระหว่างฝรั่งเศส - เวียดมินห์ เอกราชของเวียดมินห์ที่ชาวเวียดนามแสวงหา กลายเป็นปัญหาสาคัญทางการเมืองที่สาคัญที่สุด และเป็นผลทาให้ชาวเวียดนามที่มีหัวปานกลางที่สังกัดกลุ่มชาตินิยม ซึ่งในระยะแรกคิดจะปรองดองกับฝรั่งเศส โดยจะยอมรับการปกครองของฝรั่งเศสแบบใดแบบหนึ่ง แล้วต้องสัญญาให้เอกราชที่สมบูรณ์ในภายหลัง แต่ฝรั่งเศสไม่สนใจ จึ่งทาให้พวกชาตินิยมกลุ่มนี้พยายามจัดตั้ง แนวสหภาพชาตินิยม เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1947 และได้กลายเป็นพลังการต่อต้านที่สาคัญในเวลาต่อมา ด้วยเหตุดังกล่าว ฝรั่งเศสจึงได้กลายเป็นที่เกลียดชังของพวกชาตินิยมชาวเวียดนาม แม้แต่พวกไม่เคยต่อต้านฝรั่งเศสและนักการเมืองก็ต้องให้ความร่วมมือกับพวกปฏิวัติ หรือหนีไปนอกประเทศ ต่อมาในภายหลังฝรั่งเศสได้เสนอต่อเวียดนาม ให้มีเสรีภาพในวงกรอบแห่งสหภาพฝรั่งเศส แต่ก็ไม่ให้ความแน่ชัดในทางปฏิบัติ จึงเป็นเหตุให้พวกเวียดมินห์ที่ไม่พอใจฝรั่งเศส ทาการกวาดล้างชาวเวียดนามด้วยกันเองที่สนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวของฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1948 โงดินห์เตียมได้เสนอให้ฝรั่งเศสยกฐานะเวียดนามขึ้นเป็นประเทศในเครือจักรภพ แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสก็พยายามที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนด้วยการเชิญเบาไต๋ ขึ้นเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล แต่ก็ไม่เกิดผลดีแก่ฝรั่งเศสแต่อย่างใด เพราะฝ่ายชาตินิยมหมดความไว้วางใจในฝรั่งเศสเสียแล้ว นอกจากนี้พวกคอมมิวนิสต์เวียดมินห์ ได้ควบคุมความเคลื่อนไหวของพวกชาตินิยมโดยสิ้นเชิง และเบาไต๋ก็ไม่ได้เป็นที่นิยมของประชาชน การมองข้ามความสาคัญของพลังความรู้สึกทางชาตินิยมของชาวเวียดนาม และการไม่แสวงหาสันติภาพด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นความผิดพลางขั้นแรกของฝรั่งเศส ตลอดจนไม่นึกถึงความสาคัญของความร่วมมือสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยให้ข้าศึกสามารถรวมตัวกันได้เป็นปึกแผ่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

สหรัฐอเมริกา ได้เริ่มเข้าช่วยฝรั่งเศสในการรบกับเวียดมินห์ เมื่อปี ค.ศ. 1950 เป็นต้นมา สหรัฐอเมริกาได้เข้าไปพัวพันกับเวียดนามมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในด้านการทหาร เศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้นด้วยสงครามเวียดนามยุติลง 30 เมษายน พ.ศ. 2518 สงครามเวียดนาม (Vietnam Wars) ยุติลงอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทหารเวียดนามเหนือเข้ายึดเมืองไซ่ง่อนได้สาเร็จ สงครามเวียดนามเกิดขึ้นหลังจากมีการทาอนุสัญญาเจนิวา ในปี 2497 ซึ่งได้กาหนดให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วนโดยใช้เส้นรุ้งที่ 17 เหนือ ก่อนที่เวียดนามเหนือเริ่มรุกรานเวียดนามใต้ในปี 2502 นับเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามที่ยาวนานกว่า 10 ปี สงครามเวียดนามเป็นสงครามระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งสหภาพโซเวียตและจีนให้การสนับสนุน คือเวียดนามเหนือ กับเวียดนามใต้ ซึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่สหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตร (รวมทั้งประเทศไทย) สนับสนุน สหรัฐฯ ต้องทุ่มเทงบประมาณและสูญเสียชีวิตของทหารไปจานวนมาก เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับสภาพพื้นที่และการต่อสู้แบบกองโจรของทหารเวียดกง นักศึกษาและประชาชนชาวอเมริกันจานวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงสงครามนี้ ในที่สุดก็มีการลงนามใน ข้อตกลงสันติภาพปารีส (Paris Peace Accords) เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2516 หลังจากอเมริกาถอนกาลังทหารออกไป กองทัพเวียดนามเหนือก็บุกยึดไซ่ง่อนได้สาเร็จ เวียดนามทั้งสองรวมเข้าด้วยกันเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2518 แล้วประกาศใช้ชื่อประเทศใหม่ว่า สาธารณรัฐเวียดนาม ในเวียดนามเรียกสงครามครั้งนี้ว่า "สงครามปกป้องชาติจากอเมริกา" หรือ "สงครามอเมริกัน" แนวความคิด สงครามเวียดนามที่แท้จริง แบ่งเป็นสาเหตุหลักใหญ่ๆสองประการคือ การแย่งชิงอานาจกันระหว่างขั้วมหาอานาจทั้งสอง คือ ประเทศที่ยึดถือหลักการปกครองแบบเสรีนิยม กับอานาจนิยมโดยมีตัวแทนของสองขั้วอานาจคือ
1. ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย นาโดยสหรัฐอเมริกา
2. ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม นาโดยประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมรัสเซียโดย เป็นผลต่อเนื่องมาจากการพยายามเข้ามามีอิธิพลเหนือพื้นที่ในทวีปเอเชียของประเทศมหาอานาจต่างๆในยุโรปเช่น
- การเข้ายึดจีนแผ่นดินใหญ่ของอังกฤษ
- สงครามยุโรปทั้งสองครั้งระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส ทาให้ฝรั่งเศสมีความต้องการอย่าง ยิ่งยวดที่จะขยายอานาจและแสวงหาทรัพยากรจากทวีปอื่นเป็นค่าใช้จ่ายในการทาสงคราม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น